แก้วน้ำสแตนเลส
แก้วน้ำสแตนเลส (Stainless Steel Tumbler) คือ ภาชนะสำหรับบรรจุเครื่องดื่มที่ผลิตจาก เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) ซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่างเหล็กกับธาตุอื่นๆ เช่น โครเมียม (Chromium) และนิกเกิล (Nickel) โดยมีโครเมียมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้สแตนเลสมีคุณสมบัติพิเศษในการทนทานต่อการเกิดสนิม ทนความร้อน และไม่ทำปฏิกิริยากับกรดหรือด่างในอาหารหรือเครื่องดื่ม ปลอดภัยต่อสุขภาพ และสามารถเก็บอุณหภูมิของเครื่องดื่มได้นานกว่าภาชนะทั่วไป

ประเภทของแก้วน้ำสแตนเลส
- แก้วน้ำแบบชั้นเดียว (Single Wall) : แก้วสแตนเลสพื้นฐานที่เน้นความทนทานและน้ำหนักเบาสำหรับการใช้งานทั่วไป
- ไม่มีชั้นเก็บอุณหภูมิ
- น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปในบ้านหรือออฟฟิศ
- แก้วน้ำแบบสองชั้นมีผนังสูญญากาศ (Double Wall Vacuum Insulated) : แก้วสแตนเลสที่ถูกออกแบบให้มี ช่องสุญญากาศกั้นกลางระหว่างผนังสองชั้น ช่วยลดการถ่ายเทความร้อน ทำให้สามารถเก็บอุณหภูมิได้
- เก็บความร้อนหรือความเย็นได้ นานถึง 6-12 ชั่วโมง
- เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง

คุณสมบัติเด่นของแก้วน้ำสแตนเลส
- ปลอดภัยต่อสุขภาพ สแตนเลสเกรดที่ใช้ผลิตภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม เป็นแบบ Food Grade Stainless Steel เช่น สแตนเลส 304 หรือ 316L จะไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่ม ปราศจากสารเคมี BPA หรือสารตกค้างจากพลาสติก
- เก็บอุณหภูมิได้ดี ร้อนก็ร้อนนาน เย็นก็เย็นนานได้ตลอดวัน
- ทนทาน ไม่แตกง่าย เหมาะกับการใช้งานระยะยาว
- ดูแลรักษาง่าย ล้างทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เป็นคราบสกปรกฝังแน่น และไม่ดูดซับกลิ่น
- รักษ์โลกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวซึ่งช่วยลดปริมาณขยะและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีเลือกซื้อแก้วน้ำสแตนเลสที่ดี
การเลือกแก้วน้ำสแตนเลสที่ดี ควรพิจารณาจากปัจจัยดังนี้ :
- เลือกเกรดสแตนเลสที่ปลอดภัย มองหาเกรด Food Grade เช่น Stainless Steel 304 หรือ 316L
- ตรวจสอบระบบเก็บอุณหภูมิหากต้องการเก็บความร้อน-เย็น ว่ามีการระบุ Double Wall Vacuum Insulated หรือไม่
- เช็กฝาปิดและซีลยาง ว่าแน่นหนา ป้องกันการรั่วซึม
- เลือกขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น 350 ml, 500 ml หรือ 1000 ml
- พิจารณาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและ มีรีวิวดีได้รับมาตรฐานรับรอง

ข้อควรระวังในการใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใส่เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง เช่น น้ำมะนาว น้ำเกลือเข้มข้น เป็นประจำ เพราะอาจทำให้สแตนเลสเสื่อมคุณภาพและทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือคราบได้ ควรล้างทำความสะอาดทันทีหลังการใช้งาน
- ห้ามใช้กับไมโครเวฟโดยเด็ดขาด สแตนเลสเป็นโลหะ ไม่สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้เด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดประกายไฟและอาจทำให้เกิดความเสียหายกับไมโครเวฟหรือเกิดอันตรายได้
- ระวังการทำตกหรือกระแทกแรงๆ หากมีการบุบหรือเกิดรอยแตกจะส่งผลต่อการปิดสนิทของฝาและประสิทธิภาพในการเก็บอุณหภูมิ ควรตรวจสอบก่อนใช้งาน
- การดูแลซีลยาง: ซีลยางบริเวณฝาเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการรั่วไหลและสิ่งสกปรก ควรถอดมาล้างทำความสะอาดเป็นประจำ และตรวจดูว่าซีลยางยังอยู่ในสภาพดี
- ไม่ควรแช่แข็งในช่องฟรีซ: การนำแก้วสแตนเลสไปแช่แข็งในช่องฟรีซ อาจทำให้ของเหลวภายในขยายตัวและทำให้แก้วเสียรูป หรือแม้กระทั่งแตกได้ (หากของเหลวที่ใส่เต็มแก้ว)

คำแนะนำในการทำความสะอาด
- ไม่ควรใช้ฝอยขัดหม้อโลหะ: การใช้ฝอยขัดหม้อโลหะ หรือวัสดุที่คม/แข็ง ในการทำความสะอาด อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวของสแตนเลสได้
- ควรล้างด้วยมือ: เพื่อรักษาคุณภาพของแก้ว ควรล้างด้วยน้ำยาล้างจานและฟองน้ำนุ่มๆ อาจใช้แปรงทำความสะอาดสำหรับขวดนมเพื่อทำความสะอาดด้านใน
- ผึ่งให้แห้งสนิท: หลังจากล้าง ควรผึ่งแก้วให้แห้งสนิทก่อนเก็บ เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำหรือกลิ่นอับชื้น โดยเฉพาะบริเวณฝาและยางซีล
- หลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน: ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอรีน สารฟอกขาว หรือสารเคมีรุนแรงอื่นๆ เพราะอาจทำลายผิวสแตนเลสได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- แก้วน้ำสแตนเลสสามารถเก็บเครื่องดื่มร้อนได้นานแค่ไหน?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับระบบฉนวนสูญญากาศ ส่วนใหญ่จะเก็บความร้อนได้ 6-12 ชั่วโมง - แก้วน้ำสแตนเลสล้างในเครื่องล้างจานได้ไหม?
ตอบ : สามารถทำได้ในบางรุ่น แต่ควรตรวจสอบคำแนะนำจากผู้ผลิตก่อน - สแตนเลสเป็นสนิมได้หรือไม่?
ตอบ : ถ้าเป็นสแตนเลสคุณภาพต่ำ หรือดูแลไม่เหมาะสม เช่น ล้างไม่สะอาด หรือแช่น้ำทิ้งไว้นาน ก็อาจเกิดสนิมได้